จะเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความสามารถในการตีความหมายของบทประพันธ์ที่นำมาเป็นบทร้องและบทละคร ที่จะต้องให้ผู้แสดงได้สื่ออารมณ์ไปสู่ผู้ชม โดยมีหลักคิดดังนี้ ผู้ประดิษฐ์ท่ารำที่สวยงาม 1. 1. 1 การตีบทรำตามความหมายของบทร้องต้องสร้างสรรค์ท่ารำให้เหมาะสมกับบทร้อง เช่น บทร้องว่า "ปราโมทแสน... " ผู้ประดิษฐ์ท่ารำใช้ ภาษาท่า [1] กิริยาดีใจ จีบมือซ้ายเข้างปาก เป็นต้น 1. 2 การอ่านบทละคร ผู้ประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำที่ดี ต้องอ่านบทละครเพื่อพิจารณาเรื่องราวบทละครของตัวละครว่าต่ละตัวมีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร จึงนำมาประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำให้สอดคล้องกับตัวละคร 1. 3 การสร้างสรรค์ท่ารำในแม่บท คือการนำท่ารำในแม่บทมาประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำ เพื่อสื่อความหมายตามบทร้อง ยึดให้เป็นแบบแผนมาตรฐานทางนาฏศิลป์ 1. 4 การจัดรูปแบบของการแสดง การแสดงนาฏศิลป์ ได้แก่ ระบำ รำ ฟ้อน ละคร โขน มีรูปแบบของการจัดการแสดงเป็นเอกลักษณ์และท่าทายความคิดสร้างสรรค์ของผู้ประดิษฐ์ท่ารำ ยกตัวอย่าง เช่น การจัดการแสดงประเภทระบำ ควรมีหลักเกณฑ์ที่ต้องพิจารณา ดังนี้ 1. คำนึงถึงรูปร่างลักษณะของผู้แสดง 2. ระยะห่างของผู้แสดงต้องเท่ากัน 3. ระยะการเคลื่อนแถวต้องสัมพันธ์กับบทเพลง 4.
1. ความหมายและความเป็นมาของการประดิษฐ์ท่ารำ นาฏศิลป์ไทย เป็นการแสดงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวท่าทางต่างๆ ให้มีความสวยงาม เพื่อสื่อความหมายในการแสดงให้ผู้ชมได้เข้าใจ ซึ่งท่าทางต่างๆในการแสดง จะเป็นท่าทางที่เกิดขึ้นจากการเลียนแบบกิริยา อาการธรรมชาติของมนุษย์ สัตว์ สิ่งของ แล้วนำมาประดิษฐ์เป็นท่าทางต่างๆ เพื่อใช้ในการแสดง โดยมีจุดประสงค์เพื่อสื่อความหมายดดยใช้ท่าทางแทนคำพูด เช่น ท่ารัก ท่าดีใจ 2. หลักการในการประดิษฐ์ท่ารำ การศึกษาทางด้านนาฏศิลป์มีความเจริญก้าวหน้าพัฒนามาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีการจดบันทึกท่ารำเป็นแบบแผนต่อเนื่องมา มีครูอาจารย์ได้ถ่ายทอดความรู้ทางนาฏศิลป์ให้กับลูกศิษย์ โดยยึดถือแนวทางของครูรุ่นก่อน การประดิษฐ์ท่ารำแต่ละท่าจะแสดงออกจะแสดงออกจากอวัยวะภายนอกของร่างกายให้มีลีลาที่งดงาม ในการประดิษฐ์ท่ารำ ผู้คิดประดิษฐ์ท่ารำต้องมีความสามารถในการตีความหมายของบทร้อง บทประพันธ์ต่างๆ เพื่อให้สามารถประดิษฐ์ท่ารำได้สัมพันธ์กับบทร้อง ขั้นตอนที่ใช้ประดิษฐ์เริ่มจาก 1. ศึกษาบทที่แสดง โดยการอ่านบทละคร พิจารณาเรื่องราวและบทบาทของตัวละคร ความรู้สึก อารมณ์ แล้วนำมาประดิษฐ์เป็นท่ารำ 2. การเลือกใช้ท่ารำสอดคล้องกับความหมาย เป็นการเลือกใช้ท่ารำในแม่บทมาประดิษฐ์เป้นท่ารำ เพื่อสื่อความหมายตามบทร้องให้เป็นแบบแผนทางนาฏศิลป์ ในการเลือกใช้ท่ารำ มีรูปแบบดังนนี้ 2.
การเคลื่อนแถวต้องสัมพันธ์กับบทเพลง 5. ไม่แปรแถวแบบเดียวซ้ำหลาย ๆ ครั้ง 6. การแปรแถวควรมีความกลมกลืนของการเคลื่อนตัวไป 7. คำนึงถึงสีของเครื่องแต่งกายของผู้แสดง 8. คำนึงถึงสัดส่วนของพื้นที่เวที โดยไม่เอียงหรือเบี้ยว ไป ทางใดทางหนึ่ง 1. แถวตอนลึก ผู้แสดงฝ่ายชายจะอยู่ด้านซ้าย ฝ่ายหญิงอยู่ฝ่ายขวา 2. แถวหน้ากระดาน 2. 1 แถวเดี่ยว 2. 2 แถวคู่ตรงกัน 2. 3 แถวคู่สับหว่าง 3. รูปวงกลม 3. 1วงกลมเดี่ยว 3. 2 วงกลมซ้อน 3. 3 วงกลมที่มีตัวกลาง 3. 4 ครึ่งวงกลม 4. แถวรูปสามเหลี่ยม 5. การจับคู่ 6. รูปทแยงมุม 7. การเข้าพูต่าง ๆ 7. 1 พู 7. 2 พู 4 7. 3 พูละเอียด ในการคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำชุดนาฏศิลป์ องค์ประกอบของนาฏศิลป์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประดิษฐ์สร้างสรรค์ท่ารำต้องนำมาพิจารณา องค์ประกอบของนาฏศิลป์ประกอบด้วย 1. 2. 1 จังหวะและทำนอง จังหวะเป็นส่วนหนึ่งของดนตรีซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแสดงนาฏศิลป์ เช่นเดียวกับทำนองที่จะช่วยให้ผู้แสดงใช้ลีลาท่ารำให้เข้ากับท่วงทำนองของดนตรี จังหวะเป็นเครื่องกำกับทำให้การร่ายรำเป็นมีความพร้อมเพรียงกัน ทำให้เกิดอรรถรสของการแสดง จังหวะและทำนองทำให้ผู้แสดงเข้าใจใน การแปรแถว [2] การก้าวเท้า 1.