◎ กรมหลวงชุมพรฯ ทรงใช้มะพร้าวขี่แทนเรือ ◎ เรื่องนี้เป็นวิชาหนึ่งซึ่งกรมหลวงชุมพรฯ ได้เรียนจากหลวงพ่อศุขวัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อเรียนเสร็จแล้วจึงได้ทดลองทำที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า โดยเหตุที่กระทำในตอนกลางวันจึงมีผู้ยืนดูอยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำ รวมทั้งผู้เล่าซึ่งกำลังบวชเป็นพระอยู่ เรื่องนี้ผู้เล่าคือนายเนตร แพ่งกลิ่น อายุ ๘๕ ปี ( เมื่อ พ. ศ. ๒๕๒๕) บ้านใต้วัดพิกุลงาม ตำบลธรรมามูล อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ผู้เล่าบวชอยู่กับหลวงพ่อศุขที่วัดปากคลองวัดมะขามเฒ่า ๗ พรรษา ทำหน้าที่ "เลขานุการ" ของหลวงพ่อศุขสืบแทนพระพี่ชายที่สึกไป เคยร่วมไปที่วังกรมหลวงชุมพรฯ กับหลวงพ่อศุข รวม ๖ ครั้ง ผู้เล่า ๆ ให้ฟังเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พศ. ๒๕๒๒ และได้สอบถามเพิ่มเติมอีกครั้งเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทรงฉายในปี พ. ศ. 2450 เผยแพร่ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ. 2564 พระประวัติกรมหลวงชุมพรฯ มีหลากหลายแง่มุมทั้งในเชิงพระกรณียกิจ และพระประวัติในเชิงเกร็ดตำนาน ซึ่งต้องยอมรับว่า ประชาชนทั่วไปสนใจทั้งสองแง่มุม แต่จากมุมมองของบางท่านอาจเห็นว่า คนสนใจท่านในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เป็นทั้งทหารเรือและเจ้านายผู้ใหญ่ที่มีพระกรณียกิจหลากหลายด้านทั้งในกองทัพ และในแง่การแพทย์ในช่วงที่ทรงเป็น "หมอพร" นอกจากพระปรีชาสามารถแล้ว พระประวัติความเป็นมายังมีมิติอื่นร่วมอยู่ด้วย โดยเฉพาะแง่ตำนานอภินิหาร ดังที่ ม. ร. ว.
ศ. 2434 วัดปากคลองมะขามเฒ่าก็กลายเป็นวัดร้างไปแล้ว ถูกทอดทิ้งให้ทรุดโทรม หลวงปู่จึงร่วมกับโยมพ่อโยมแม่และชาวบ้านบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ โดยได้สร้างพระพิมพ์เนื้อตะกั่วขึ้น เรียกกันว่า "พิมพ์ชาวบ้าน" แจกจ่ายให้ผู้ร่วมบริจาค เป็นทุนสร้างโบสถ์และวิหาร นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นแรกของหลวงปู่ศุข ต่อมาหลวงปู่ก็ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูวิมลคุณากร หลวงปู่ศุขมรณภาพโดยโรคชราใน พ. 2466 ปีเดียวกับที่กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ทิ้งไว้แต่เรื่องราวที่น่าทึ่งน่าพิศวงของอาจารย์และศิษย์คู่นี้ ให้เล่าขานกันต่อมามากมายจนทุกวันนี้
5" รุ่งเช้ากรมหลวงชุมพรฯ ก็เสด็จขึ้นไปหาหลวงปู่อีก หลวงปู่ก็รับรองเต็มที่ ยกนี้คุยกันยาวถึงบ่าย 2 โมงโดยต่างก็ไม่รู้สึกตัว หลวงปู่ลืมฉันเพล เสด็จในกรมก็ไม่ได้เสวยอาหารกลางวัน ตอนบ่ายหลวงปู่ได้ถามว่า "อยากดูคนเป็นจระเข้มั๊ย? "